วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การมองเห็นภาพของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม ป้องกันด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)

การมองเห็นภาพของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม ป้องกันด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)
    การป้องกันและการวินิจฉัย
      การป้องกันไม่ให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด นอกจากคอยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้นแล้ว การให้จักษุแพทย์ตรวจจอประสาทตาและสุขภาพตาเป็นระยะก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะตาบอดจากโรคนี้ลงได้ เนื่องจากเป็นการยากที่ผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกจะสังเกตุถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการตรวจพบและให้การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจึงเป็นสิ่งจำเป็น     
     วิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ บุคคลทั่วไปอายุระหว่าง 40-64 ปีที่ไม่มีอาการผิดปรกติในการมองเห็น ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา (รวมถึงการตรวจจอประสาทตา) ทุก 2-4 ปี สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจทุก 1-2 ปี แม้ไม่มีอาการผิดปรกติอะไร
      การตรวจจอประสาทตาโดยทั่วไปด้วยกล้อง indirect ophthalmoscope ซึ่งต้องขยายม่านตาด้วยจะทำให้แพทย์มองเห็นความผิดปรกติได้ตั้งแต่ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ และถ้าสงสัยว่าอาจเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อการมองเห็น แม้จะยังเป็นน้อยๆและผู้ป่วยยังไม่รู้สึกถึงการมองเห็นที่ผิดปรกติ แพทย์ก็สามารถให้การวินิจฉัยได้โดยใช้เครื่องตรวจพิเศษ เช่น เครี่องตรวจวิเคราะห์จอประสาทตาด้วยเลเซอร์ (OCT; Optical Coherence Tomography) ร่วมกับการฉีดสีถ่ายภาพจอประสาทตา (Fundus Angiography) ทำให้สามารถให้การวินิจฉัยและรักษาได้ก่อนที่โรคจะทำความเสียหายต่อจอประสาทตา และการมองเห็นมากขึ้น

ภาพการมองเห็นของผู้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม






          ไฮ-มาริโกลด์ พลัส ไม่สามารถทำให้การมองเห็นกลับคืนเหมือนเดิม(เพราะเซลล์จอประสาทตายแล้ว) แต่สามารถป้องกันไ่ให้ส่วนที่ยังมองเห็น น้อยลงไป หรือ ทำให้ส่วนที่มืดไม่ขายตัวจนมืดสนิท
          ปกติเมื่อเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแล้ว แทบไม่มีโอกาสยับยั้งการรุกรามของวงกว้างดำมืดได้เลย แต่ ไฮ-มาริโกลด์ยังคงช่วยได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น