วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การมองเห็นภาพของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม ป้องกันด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)

การมองเห็นภาพของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม ป้องกันด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)
    การป้องกันและการวินิจฉัย
      การป้องกันไม่ให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด นอกจากคอยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้นแล้ว การให้จักษุแพทย์ตรวจจอประสาทตาและสุขภาพตาเป็นระยะก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะตาบอดจากโรคนี้ลงได้ เนื่องจากเป็นการยากที่ผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกจะสังเกตุถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการตรวจพบและให้การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจึงเป็นสิ่งจำเป็น     
     วิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ บุคคลทั่วไปอายุระหว่าง 40-64 ปีที่ไม่มีอาการผิดปรกติในการมองเห็น ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา (รวมถึงการตรวจจอประสาทตา) ทุก 2-4 ปี สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจทุก 1-2 ปี แม้ไม่มีอาการผิดปรกติอะไร
      การตรวจจอประสาทตาโดยทั่วไปด้วยกล้อง indirect ophthalmoscope ซึ่งต้องขยายม่านตาด้วยจะทำให้แพทย์มองเห็นความผิดปรกติได้ตั้งแต่ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ และถ้าสงสัยว่าอาจเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อการมองเห็น แม้จะยังเป็นน้อยๆและผู้ป่วยยังไม่รู้สึกถึงการมองเห็นที่ผิดปรกติ แพทย์ก็สามารถให้การวินิจฉัยได้โดยใช้เครื่องตรวจพิเศษ เช่น เครี่องตรวจวิเคราะห์จอประสาทตาด้วยเลเซอร์ (OCT; Optical Coherence Tomography) ร่วมกับการฉีดสีถ่ายภาพจอประสาทตา (Fundus Angiography) ทำให้สามารถให้การวินิจฉัยและรักษาได้ก่อนที่โรคจะทำความเสียหายต่อจอประสาทตา และการมองเห็นมากขึ้น

ภาพการมองเห็นของผู้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม






          ไฮ-มาริโกลด์ พลัส ไม่สามารถทำให้การมองเห็นกลับคืนเหมือนเดิม(เพราะเซลล์จอประสาทตายแล้ว) แต่สามารถป้องกันไ่ให้ส่วนที่ยังมองเห็น น้อยลงไป หรือ ทำให้ส่วนที่มืดไม่ขายตัวจนมืดสนิท
          ปกติเมื่อเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแล้ว แทบไม่มีโอกาสยับยั้งการรุกรามของวงกว้างดำมืดได้เลย แต่ ไฮ-มาริโกลด์ยังคงช่วยได้


โรคจอประสาทตาเสื่อม ( Age-related Macular Degeneration; AMD )

           โรคจอประสาทตาเสื่อม ( Age-related Macular Degeneration; AMD )            
       โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่มีความผิดปรกติเกิดขึ้นที่จุดกลางรับภาพของจอประสาทตา (Macula) ซึ่งเป็นส่วนที่ไวต่อการมองเห็นมากที่สุด โดยผู้ป่วยมักจะไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปรกติในระยะเริ่ม ต้น มารู้ตัวเมื่อมีการสูญเสียการมองเห็นเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม โรคจอประสาทตาเสื่อมจะทำให้สูณเสียการมองเห็นเฉพาะตรงกลางภาพ โดยที่ผู้ป่วยยังสามารถมองเห็นบริเวณขอบด้านข้างของภาพได้อยู่ โรคนี้มีอุบัติการสูงขึ้นมากในกลุ่มอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของภาวะตาบอดแบบถาวรในผู้สูงอายุ บุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม คือ ผู้สูงอายุ ดังนั้นผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปจึงควรได้รับการตรวจจอประสาทตาทุก 1-2 ปี นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน คลอเลสเตอรอล สูง และประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากกว่าคน

                    จอประสาทตา (Retina) ส่วนสำคัญที่สุดของการมองเห็น

         จอประสาทตาเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านในสุดของลูกตา ประกอบด้วยเซลประสาทรับแสงหลายล้านเซล ทำหน้าที่เปลี่ยนแสงหรือภาพที่ผ่านเข้ามาในลูกตาเป็นสัญญาณประสาทส่งต่อไปที่สมอง ทำให้เรารับรู้ถึงการมอง เห็นต่างๆได้ คล้ายกับส่วนของฟิลม์หรือCCDในกล้องถ่ายรูป
ดังนั้นถ้ามีความผิดปรกติเกิดขึ้นที่จอประสาทตา ก็จะมีผลกระทบทำให้การมองเห็นผิดปรกติไปได้ และ ถ้าจอประสาทตาเสียไปทั้งหมด ผู้ป่วยก็จะสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรและไม่สามารถแก้ไขหรือรักษาให้กลับ มามองเห็นได้อีก แม้ว่าส่วนอื่นๆของลูกตาจะปรกติดีก็ตาม

                 ชนิดของจอประสาทตาเสื่อม
โรคจอประสาทตาเสื่อมมีลักษณะของโรค 2 รูปแบบ คือ
  1. แบบแห้ง หรือแบบเสื่อมช้า (Dry หรือ Atrophic AMD) เป็นรูปแบบที่พบได้มากที่สุด โดยเซล จอประสาทตาจะค่อยๆเสื่อมเสียไปอย่างช้าๆ ความสามารถในการมองเห็นจะค่อยๆลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนผู้ป่วยแทบไม่ทันได้สังเกตุ
  2. แบบเปียก หรือแบบเร็ว (Wet หรือ Neovascular AMD) พบประมาณร้อยละ 10-15 ของโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมด จะเกิดการสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วทันที เป็นผลจากจุดกลางรับภาพจอประสาทตาบวมและ/หรือมีเลือดออกจากเส้นเลือดผิดปรกติใต้จอประสาทต(Choroidal neovascular membrane)
         สุขภาพตาดูแลได้
    แม้เราจะไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ แต่เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคและการตาบอดจากโรคได้ โดย
     -หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆเช่น งดสูบบุหรี่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงจากควันบุหรี่ด้วย งดอาหารที่มีไขมันสูง
    -ถ้ามีโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ต้องรักษาและควบคุมให้อยู่ในเกรณ์ปรกติ
    -หมั่นออกกำลังกายแบบ aerobic exercise อย่างสม่ำเสมอโดยเลือกประเภทให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยานอยู่กับที่ ว่ายน้ำ ในผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาเรื่องข้อ การทำกายบริหารในสระน้ำจะช่วยให้ออกกำลังได้ดี โดยต้องมีเกรณ์ในการตรวจวัดชีพจรขณะออกกำลังกายให้เหมาะสมตามอายุและสภาพร่างกายด้วยจึงจะได้ผลดีและสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้
    -หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า ใส่แว่นตากันแดดเวลาออกนอกอาคารสถานที่ โดยเลือกเลนส์แว่นตาที่สามารถป้องกันแสงสีฟ้าและรังสี UV ได้ 99-100% และควรลดทอนความจ้าของแสงลงได้ 70-80%
   -รับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิด lutein/zeaxanthin มีอยู่ที่ตาในปริมาณสูงและมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตาและเลนส์แก้วตา อาหารที่มีสารนี้ในปริมาณสูงได้แก่ ไข่แดง มีมากที่สุด รองลงไปได้แก่ผลไม้และผัก ผลไม้ ได้แก่ ข้าวโพดเหลือง ผลกีวี องุ่นแดงไร้เมล็ด ฟักทอง ผัก ได้แก่ ผัก zucchini ผักขม(spinach) แตงกวา ถั่วลิสง เป็นต้น สำหรับผักใบเขียวเข้มชนิดต่างๆของไทย ก็เชื่อว่ามีสารนี้อยู่มากเช่นกัน
   -การรับประทานวิตามินหรือสารอาหารทดแทนในรูปของยาสำเร็จรูป ควรให้จักษุแพทย์ตรวจดูสภาพจอประสาทตาก่อนว่ามีความจำเป็นที่จะต้องได้รับยาเสริมหรือไม่ เพราะในยาพวกนี้มีปริมาณวิตามิน และสารอาหารทดแทนในปริมาณสูงมาก การรับประทานโดยไม่จำเป็นอาจทำให้มีการสะสมจนก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ และจากผลการศึกษาพบว่ายาในกลุ่มนี้ไม่สามารถป้องกันการเกิดโรค หรือรักษาการมองเห็นที่เสียไปแล้วให้ดีขึ้นได้ แต่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมไม่ให้เข้าสู่ระยะรุนแรงได้ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้นมารับประทานเอง
    -เข้ารับการตรวจสุขภาพตาและจอประสาทตาเป็นระยะตามคำแนะนำในแต่ละช่วงอายุ และหมั่นคอยสังเกตการมองเห็นในตาแต่ละข้างว่าปรกติดีหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจควรรีบปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนมีอาการตามัวอย่างชัดเจน เพราะอาจแก้ไขได้ยาก


        ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมอย่างได้ผล คือ ไฮ-มาริโกลด์ พลัส
    ราคาขาย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส 1 กล่อง มี 60 แคปซูล ราคา 3,300 บาท ขาย 2,500 บาท
    สั่งซื้อที่ คุณ วีระชัย  โทร. 084-6822645 , 085-0250423
                อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com 








วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โรคจอประสาทตาเสื่อม(Aged-related macular degeneration , AMD)

การมองเห็นภาพของผู้ป่วยโรคต้อหิน ป้องกันด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)

             ชนิดของต้อหินและการมองเห็น

     ต้อหิน อาจแบ่งได้เป็นหลายชนิดตามเกณฑ์ที่นำมาใช้แบ่ง แต่เกณฑ์ที่นิยมใช้มากที่สุดและมีประโยชณ์ในการกำหนดแนวทางการรักษาคือ การแบ่งตามลักษณะทางกายภาพที่มุมตา โดยจะแบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆคือ
-      ต้อหินแบบมุมเปิด (open angle glaucoma) เกิดจากการเสียสมดุลระหว่างการสร้างและการระบายน้ำหล่อเลี้ยง ทำให้มีการระบายน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาออกได้น้อยเมื่อเทียบกับการสร้าง โดยที่ไม่ได้มีอะไรไปขวางกั้นช่องทางระบายน้ำออก ทำให้ความดันลูกตาขึ้นสูง ซึ่งมักเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงไม่มีอาการนำหรือรู้สึกถึงความผิดปรกติจนกว่าการมองเห็นจะเสียไปมากแล้ว
-      ต้อหินแบบมุมปิด (angle closure glaucoma) เกิดจากการมีภาวะอะไรก็ตามที่ทำให้มีการปิดกั้นหรือกีดขวางช่องทางระบายออกของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา ทำให้มีการคั่งค้างของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตามากขึ้นจนความดันลูกตาขึ้นสูง มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีอาการของต้อหินเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาอย่างรุนแรง ตาแดง ลืมตาลำบาก การมองเห็นจะลดลงอย่างรวดเร็วจนถึงตาบอดได้ ถ้าไม่รีบรักษา การตรวจดูมุมตาเวลาตรวจสุขภาพตาจะช่วยบอกถึงความเสี่ยงที่จะมีโอกาสเกิดต้อหินแบบนี้ได้
                   โดยทั่วไปแล้ว ความดันลูกตา ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเกิดโรคต้อหินมากที่สุดการรักษาโรคในปัจจุบันจึงยังคงมุ่งเน้นในการควบคุมค่าความดันลูกตาให้อยู่ในเกณฑ์ปรกติหรือเกณฑ์ที่ปลอดภัยไม่ให้มีการสูญเสียของประสาทตาเพิ่มขึ้น
                ต้อหินไม่สามารถรักษาการมองเห็นที่เสียไปแล้วให้กลับคืนมาได้ แต่สามารถรักษาและป้องกันไม่ให้ตาบอดหรือสูญเสียการมองเห็นมากขึ้นได้ ถ้าผู้ป่วยใส่ใจและปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ

         ภาพที่คนเป็นต้อหินมองเห็น


                                                         ภาพที่คนตาปกติมองเห็น


                                                            ภาพที่คนเป็นโรคต้อหินมองเห็น

     ใช้ ไฮ-มาริโกลด์ พลัส ป้องกันและแก้ปัญหาโรคต้อหิน วันนี้!     
     

โรคต้อหิน (glaucoma) แก้ปัญหาด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)

                     ต้อหิน (glaucoma) เป็นโรคตาซึ่งคนที่เป็นส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้ โดยเฉพาะในระยะแรกๆ พอทราบว่าเป็น ต้อหิน ตาก็มักจะใกล้บอดแล้ว ที่อันตรายที่สุดคือ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตาจะบอดในที่สุด ไม่ช้าก็เร็ว ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในแต่ละบุคคล
                ต้อหิน เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคต้อ ตามที่คนเรียกกันโดยทั่วๆ ไป ที่พบบ่อยๆ มีต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อลม และต้อหิน แต่ ต้อหิน เป็นต้อเพียงชนิดที่ไม่มีตัวต้อให้เห็น เพราะ ต้อหิน เป็นกลุ่มโรคที่มีการทำลายขั้วประสาทตา ซึ่งเป็นตัวนำกระแสการมองเห็นไปสู่สมอง ซึ่งเมื่อขั้วประสาทตาถูกทำลายจะมีผลทำให้สูญเสียลานสายตา เมื่อเป็นมากๆ ก็สูญเสียการมองเห็นในที่สุด ซึ่งเป็นการสูญเสียชนิดถาวร ไม่สามารถรักษาให้กลับคืนมามองเห็นได้
         ต้อหิน เกิดจากการทำลายขั้วประสาทตา อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุปัจจัยภายนอก หรืออาจพบร่วมกับโรคทางตาอื่นๆ ที่แทรกซ้อนมาจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดรักษาโรคอื่นๆ ในดวงตา หรือแม้แต่เกี่ยวพันกับโรคทางกายอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงในตัวบุคคลนั้นๆ ที่ทำให้เกิดการเสื่อมของขั้วประสาทตา
         ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของ ต้อหิน และเป็นปัจจัยอย่างเดียวที่ควบคุมเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือ ความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากความเสื่อมข้างในลูกตา หรือเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากยาที่ใช้ จากอุบัติเหตุ หรือจากการผ่าตัด น้ำหล่อเลี้ยงภายในลูกตา
         โดยปกติลูกตาจะมีการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงภายใน ซึ่งสร้างจากบริเวณด้านหลังของม่านตา แล้วไหลออกมาทางช่องด้านหน้า ก่อนที่จะระบายออกไปทางท่อระบายบริเวณมุมตา ในภาวะปกติ ปริมาณของน้ำหล่อเลี้ยงที่สร้างขึ้นจะสมดุลกับปริมาณที่ไหลออกจากลูกตา ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการคั่งค้างของน้ำภายในลูกตา ความดันภายในก็ปกติ แต่ถ้าหากมีการอุดตันบริเวณที่ท่อระบาย จะทำให้ความดันตาเพิ่มสูงขึ้นได้

         ชนิดของ โรคต้อหิน
         ต้อหิน ชนิดมุมปิด พบได้ร้อยละ 10 ของทั้งหมด เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างลูกตา ทำให้เกิดการอุดกั้นของน้ำหล่อเลี้ยงในลูกตา กรณีที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตา ตาแดง ตามัว เมื่อมองไปที่ดวงไฟจะเห็นเป็นวงกลมจ้ารอบดวงไฟ อาการอาจรุนแรงมากจนเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และมักไม่หายด้วยการรับประทานยาแก้ปวด ถ้าไม่รักษาตาจะบอดอย่างรวดเร็วภายในเวลาเป็นวันๆ ส่วนชนิดเรื้อรังผู้ป่วยมักไม่ทราบและไม่มีอาการ บางคนอาจมีอาการปวดเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เป็นๆ หายๆ อยู่หลายปี และได้รับการรักษาแบบโรคปวดศีรษะโดยไม่ทราบว่าเป็น ต้อหิน
         ต้อหิน ชนิดมุมเปิด พบได้ร้อยละ 60-70 ของทั้งหมด เกิดจากเนื้อเยื่อส่วนที่ทำหน้าที่กรองน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาผิดปกติ ทำให้ความดันตาเพิ่มสูงขึ้น และทำลายขั้วประสาทตาในที่สุด แบ่งเป็นชนิดความดันตาสูง และชนิดความดันตาปกติ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการปวดตาหรือตาแดง สังเกตพบว่าสายตาค่อยๆ มัวลง อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในระยะเป็นเดือนหรือเป็นปี หากไม่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาทันท่วงทีจะทำให้ตาบอดได้ในที่สุด แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็วก็มักจะรักษาสายตาไว้ได้
         ต้อหิน ชนิดแทรกซ้อน เกิดเนื่องจากมีความผิดปกติอย่างอื่นของดวงตา เช่นการอักเสบ ต้อกระจกที่สุกมาก อุบัติเหตุต่อดวงตา เนื่องจากการใช้ยาหยอดตาบางชนิด และภายหลังการผ่าตัดตา เช่นเปลี่ยนกระจกตา หรือการผ่าตัดต้อกระจก
         ต้อหิน ในทารกและเด็กเล็ก พบเกิดร่วมกับความผิดปกติตั้งแต่แรกคลอดของดวงตา อาจมีความผิดปกติทางร่างกายร่วมด้วย โรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบลักษณะด้อย (autosomal recessive) หากทั้งพ่อ และแม่เป็นพาหะ ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ร้อยละ 25 ต้อหิน ในเด็กทารกมักพบตั้งแต่แรกเกิด แม่อาจสังเกตว่าลูกมีขนาดลูกตาใหญ่กว่าเด็กปกติ กลัวแสง กระจกตาหรือส่วนของตาดำจะไม่ใสจนถึงขุ่นขาว และมีน้ำตาไหลมาก หากพบต้องรีบพาเด็กเข้ารับการรักษา ต้อหิน ชนิดเม็ดสี เป็นต้อหินชนิดมุมเปิดที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ พบในคนสายตาสั้นอายุ 20-30 ปี
การที่สายตาสั้นทำให้ม่านตาเกิดเป็นส่วนโค้ง เนื้อเยื่อชั้นสร้างเม็ดสีกระทบกับเลนส์ ทำให้เม็ดสีอุดตัน การไหลเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาติดขัด และความดันตาเพิ่มสูงขึ้น

        ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ต้อหิน
         อายุ คนที่มีอายุมากจะมีโอกาสเป็น ต้อหิน มากกว่าคนที่มีอายุน้อย ต้อหิน บางชนิดเกิดในเด็กแรกเกิด หรือกลุ่มเด็กเล็กได้เช่นกัน แต่พบไม่บ่อยเท่าผู้สูงอายุ ต้อหิน ชนิดมุมเปิดพบมากในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
         ความดันในลูกตา คนที่มีความดันในลูกตาสูงจะมีโอกาสเกิดโรค ต้อหิน ได้มาก
         ประวัติครอบครัว หากมีสมาชิกภายในครอบครัว หรือบรรพบุรุษเป็นต้อหินก็จะมีโอกาสเป็น ต้อหิน มากขึ้น และควรได้รับการตรวจเป็นระยะๆ
         สายตาสั้นมากหรือยาวมาก พบว่าคนที่มีสายตาสั้นมากๆ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรค ต้อหิน ชนิดมุมเปิดมากกว่าคนปกติ และในคนที่สายตายาวมากๆ โดยมีขนาดของลูกตาเล็กกว่าปกติ ก็จะมีโอกาสเป็น ต้อหิน ชนิดมุมปิด
         โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และความผิดปกติทางเลือดและเส้นเลือด ปัจจุบันมีหลักฐานชี้บ่งว่าความเข้มข้นของเลือดที่ผิดปกติอาจสัมพันธ์กับโรค ต้อหิน โรคของเส้นเลือดที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรคลูปัส ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง ที่จะมีความผิดปกติของเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงขั้วประสาทตา และทำให้เกิดเป็นโรคต้อหินได้
         ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
         การได้รับอุบัติเหตุที่ลูกตามาก่อน และโรคตาบางชนิด


         อาการของ ต้อหิน

         โรคต้อหิน ส่วนใหญ่เป็นชนิดไม่มีอาการ การดำเนินของโรคจากเริ่มเป็น จนถึงการสูญเสียการมองเห็น ใช้เวลานานเป็นปีๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้อหินที่เกิดจากความเสื่อม ซึ่งไม่มีอาการใดๆ จนกระทั่งสูญเสียการมองเห็น ซึ่งใช้เวลา 5 - 10 ปี จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับว่าจะตรวจพบต้อหินระยะใด เช่น พบตั้งแต่ระยะเพิ่งเริ่มเป็น จะสามารถคุมไว้ได้ และอาจจะไม่สูญเสียการมองเห็น แต่ถ้าตรวจพบต้อหินระยะที่เป็นมากแล้วหรือระยะท้ายๆ ก็อาจสูญเสียการมองเห็นได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นภายในเวลาเป็นเดือน ก็จะตาบอดได้

          ส่วน ต้อหิน ชนิดมุมปิดที่มีอาการเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้
             - อาการปวดตา
             - เมื่อมองไปที่ดวงไฟจะเห็นเป็นวงกลมจ้ารอบดวงไฟ
             - ตาแดงทันทีทันใด
             - ปวดมากจนคลื่นไส้อาเจียนต้องมาโรงพยาบาล
             - ปวดศีรษะมากในตอนเช้า
             - ความดันตาเพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด
             - กระจกตาบวมหรือขุ่น

            อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปจะไม่ทราบว่าตัวเองนั้นเริ่มเป็น ต้อหิน ยกเว้นต้องมาให้จักษุแพทย์ตรวจ โดยเฉพาะ

      ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันและแก้ปัญหา โรคต้อหิน อย่างได้ผล คือ ไฮ-มาริโกลด์ พลัส
   ราคาขาย  ไฮ-มาริโกลด์ พลัส 1 กล่อง 60 แคปซูล ราคา 3,300 บาท ขายเพียง 2,500 บาท
   สั่งซื้อที่   คุณ วีระชัย  โทร. 084-6822645 , 085-0250423
                 อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com








โรคต้อหิน(Glaucoma)

โรคต้อกระจก(Cataract) แก้ปัญหาด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)

      โรคต้อกระจก(Cataract) แก้ปัญหาด้วย ไฮ-มาริโกลด์ พลัส(Himarigold plus)   
         ต้อกระจก คือการมัวของตาซึ่งเกิดจากความขุ่นในเนื้อเลนส์ในดวงตา ซึ่งมีหลายสาเหตุให้เกิด เช่น จากอายุที่มากขึ้น, โรคติดเชื้อในครรภ์มารดา, อุบัติเหตุ, การอักเสบทั้งจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ, การรับรังสี, โรคที่เกิดจากการขาดอาหาร, โรคทางพันธุกรรมบางอย่าง
         ต้อกระจก เป็นปัญหาทางสายตาที่มีผลต่อประชาคมโลกมานานครับ WHO ประเมินว่าทั่วโลก หกพันล้าน มีคนตาบอดประมาณ 35-40 ล้าน ซึ่งเป็นผลงานของต้อกระจกและโรคแทรกของมันถึง 45% โดยเฉพาะในแถบประเทศที่ไม่ร่ำรวยนักซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด   นอกจากนี้ หากเกิดร่วมกับบางโรคอาจทำให้เลนส์ขุ่นขึ้นได้เร็วกว่าปกติ เช่น เบาหวาน เป็นต้น
          อาการโดยทั่วไปของผู้เป็นต้อกระจก คือ
-ตามัวลง โดยมากจะค่อยๆมัวลงช้าๆทีละน้อย นอกจากกรณีอุบัติเหตุ หรือโรคอื่นๆบางชนิด อาจมัวได้อย่างรวดเร็ว
-การลดลงของ contrast sensitivity (การแยกความแตกต่างของความมืด-สว่าง) เมื่ออยู่ในที่แสงจ้า หรือการมองดวงไฟในเวลากลางคืน
-myopic shift คือ การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็น สายตาสั้นมากขึ้น คือการมองไกลจะ ไม่ค่อยชัด และการมองระยะใกล้จะชัดเจนกว่า พบในต้อกระจกบางชนิด
-monocular diplopia คือ เห็นภาพซ้อนเหมือนมีวัตถุปกติใดใดมากกว่าหนึ่งอัน ทั้งที่มองด้วยตาข้างเดียว
-ปวดตา และมีต้อหินแทรก อันนี้อันตรายครับ เพราะจะมัวไปเรื่อยๆ และแก้ไขให้มองเห็นใหม่ ได้ยาก หรือบางครั้ง ไม่ได้เลย

          การรักษา
  1. การรักษาด้วยยา : ตอนนี้มียาหยอดที่ใช้หลายยี่ห้อครับ โดยมากจะเคลมว่า สามารถทำให้เลนส์ ที่ขุ่นใสขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้การขุ่นที่ค่อยๆมากขึ้นนั้น ขุ่นช้าลงกว่าเดิมครับ เท่าที่ลองๆ ใช้กันดู ปรากฏว่ายาบางตัวก็ได้ผลจริงอย่างที่เค้าโฆษณา คือ ในผู้ป่วยบางคนมองเห็นได้ชัด ขึ้นจริง  อ่านตัวหนังสือที่มีขนาดเล็กลงได้มากกว่าก่อนใช้ยา แต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ถ้าเป็นมาก เลนส์ขุ่นมากแล้ว มักใช้ในกรณีที่เริ่มเป็นน้อยๆมากกว่า โดยมักจะต้องหยอดยากัน วันละสามสี่ครั้งเป็นเวลาหลายๆเดือน ผู้ใช้ยาบางท่านเข้าใจผิดว่า หยอดแค่สองสามอาทิตย์แล้ว จะเห็นชัดดีเลย เหมือนกับการกินยา แก้หวัด หรือโรคปวดหัว ตัวร้อนทั่วไป ซึ่งก็คงต้องอธิบายกัน ตรงนี้ว่า ยานี้เห็นผลช้ามากครับ และในบางคน ถึงหยอดไปก็ไม่ได้ช่วยให้เห็นชัดขึ้นเลย
  2. การรักษาด้วยการผ่าตัด
    1. Couching
      เป็นวิธีโบราณที่ไม่มีใครทำกันแล้ว (อินเดียทำกันมาหลายร้อยปี) จะใช้วิธีเอาเข็มจิ้ม เข้าไปในตาผ่านบริเวณตาขาวเพื่อเขี่ยให้เลนส์ที่ขุ่นหลุดร่วงจาก ตำแหน่งเดิมลงไปใน ช่องลูกตาด้านหลัง ซึ่งคนไข้จะเห็นชัดขึ้นไม่มากนัก และต้องใช้แว่นที่มีเลนส์อันเท่า ขนมครก เพื่อรวมแสงให้ได้โฟกัสแทนเลนส์ที่หลุดออกไป วิธีนี้มีโรคแทรกซ้อนได้เยอะแยะ ปัจจุบันวิธีนี้ยังพบได้ตามบ้านนอกบ้างเหมือนกัน (โดยแพทย์ไม่มีปริญญาใดใด เท่าที่ผมเจอ บางรายคิดค่าทำแพงกว่าแพทย์แผน ปัจจุบันในโรงพยาบาลรัฐซะอีก แต่สุดท้าย ก็ต้องมาโรงพยาบาลเพื่อแก้โรคแทรกซ้อน กันจนได้ครับ)
              
    2.  Intracapsular cataract extraction with/without intraocular lens implantation
อันนี้นิยมกันในแพทย์แผนปัจจุบันเมื่อกว่าสิบปีก่อน คือการผ่าตัดเข้าไปในลูกตา และดึงเอาเลนส์ออกมาทั้งอัน แล้วค่อยใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทน หรือไม่ใส่ก็ได้ แล้วเย็บปิดแผล ซึ่งจะลดโรคแทรกซ้อนอันเกิดจากเลนส์ที่คงค้างอยู่ในกรรมวิธี couching ไปได้ แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงเยอะอยู่ ปัจจุบันแทบไม่มีใครทำ ยกเว้นในผู้ป่วยบางรายเช่น ผู้ป่วยที่เยื่อยึดเลนส์หย่อน หรือฉีกขาด หรือผู้ได้รับอุบัติเหตุกระทบกระแทกที่ตาอย่างรุนแรงเท่านั้น
    
          ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ ไฮ-มาริโกลด์ พลัส ที่สามารถป้องกันและแก้ปัญหา "โรคต้อกระจกได้ผลจริง" 
          ด้วยมาตราฐาน CGMP และ ออแกนิค
 ราคา   ไฮ-มาริโกลด์ 1 กล้อง 60 แค็ปซูล ราคา 3,300 บาท ขายเพียง 2,500 บาท
 สั่งซื้อที่  วีระชัย ทองสา  โทร. 084-6822645 , 085-0250423
              อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com 













โรคต้อกระจก(Cataract)

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีการสั่งซื้อสินค้า ไฮ-มาริโกลด์ พลัส

                             วิธีการสั่งซื้อสินค้า

        1. บอกชื่อ ที่อยู เบอร์โทร ทาง อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.co.th หรือ โทรบอกที่ คุณ วีระชัย  ทองสา  โทร. 085-0250423 , 084-6822645  
        2. ผมจะจด ชื่อ-ที่อยู่ และ จ่าหน้าซองสินค้า พร้อมกับใส่สินค้ารอไว้
        3. ผมจะบอกเลขบัญชีธนาคาร ที่เป็นธนาคารที่คุณใช้อยู่ ให้คุณ ไปโอนเงินค่าสินค้าผ่าน ATM
        4. เมื่อคุณ โอนเงินค่าสินค้าผ่าน ATM แล้ว ขอให้โทรบอกผมทันที
        5. ผมนำซองบรรจุสินค้า ไปส่งที่ ที่ทำการไปรษณีย์(ส่งแบบธรรมดา)   ถ้าสั่งสินค้าเกิน 500 บาท
จะส่งโดยวิธี EMS(ไม่คิดค่าส่งสินค้า)ทันที คุณจะได้รับสินค้าภายใน 3 วัน

         หากคุณต้องการซื้อไปจำหน่ายต่อ เพียงคุณสมัครสมาชิก(ฟรี) ผมยินดีขายในราคาสมาชิก ไม่คิดค่าส่งครับ (ส่งให้ฟรี)
             โทร แจ้ง ชื่อ-ที่อยู่ได้ที่ คุณ วีระชัย   โทร.  085-0250423 , 084-6822645  
                 อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.co.th

                                       วิธีการชําระเงินผ่านทางธนาคาร

ธนาคาร                        ชื่อบัญชี                ประเภทบัญชี         สาขา                เลขที่บัญชี
ธนาคารกรุงเทพฯ       วีระชัย  ทองสา          สะสมทรัพย์         บางแค             120-5-48423-5
ธนาคารกสิกรไทย      วีระชัย  ทองสา          ออมทรัพย์           วัดไทร             704-2-31440-9
ธนาคารไทยพาณิชย์   วีระชัย  ทองสา          ออมทรัพย์           ท่าพระ             017-2-47009-2
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  วีระชัย  ทองสา          ออมทรัพย์           สุขุมวิท           204-1-18542-8
ธนาคารกรุงไทย         วีระชัย  ทองสา          ออมทรัพย์          ซอยจรัญฯ13     046-1-69134-5 


ไฮ-มาริโกลด์ พลัส ( Hi-Marigold )

                                  ไฮ-มาริโกลด์ พลัส ( Hi-Marigold )
                          ผลิตภัณฑ์เพื่อการปกป้องดวงตาคุณ แก้ปัญหาต้อกระจก ต้อหิน
          ไฮ-มาริ โกลด์ ผลิตภัณฑ์มีจุดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นอาหารเสริม นาโนเทคโนโลยีสูตรพิเศษลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเห็นผล ได้รวดเร็วภายในเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้น สกัดจากอาหารธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี(ออร์แกนิค) ท้าพิสูจน์คุณภาพของผลิตภัณฑ์ หนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร ด้วยประสิทธิภาพของ
     ผลิตภัณฑ์ไฮ-มาริโกลด์ 1 เม็ด เทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์อื่น 20 เม็ด สามารถป้องกัน ต้อกระจก ต้อหิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     นอกจากนี้ ไฮ-มาริโกลด์ ยังสามารถป้องกันต้อกระจก , ต้อหิน , ตาอักเสบ , จอประสาทตาหลุด , ตาบอดสี
     นวัตกรรมใหม่ กับการป้องกันต้อกระจก ต้อหิน จากนายแพทย์ชื่อดังระดับโลก
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
ไฮ-มาริโกลด์ มีคุณสมบัติโดดเด่น คือ เป็นออร์แกนิค (อาหารจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีปราศจากสารปนเปื้อน) มีประสิทธิภาพในการดูดซึม เนื่องจากผ่านกระบวนการ นาโนเทคโนโลยีซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ ช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซึมให้กับส่วนต่างๆในร่างกายมนุษย์ สูงถึง 200-300% ดังนั้นผู้ที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้จึงสามารถสัมผัสถึงผลลัพธ์ได้รวดเร็วภาย ใน 2 วัน
    ส่วนประกอบของ ไฮ-มาริโกลด์ พลัส
    1. ผงลูทีน (Lutein) จากดอกดาวเรือง : 100 Mg(17.921%)
1) ป้องกันการเกิดภาวะ สายตาสั้นจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อในการปรับสายตา
2) ป้องกันและรักษาอาการ ตาเอียง สายตาสั้น สายตายาว ต้อกระจก ต้อหิน
3) ป้องกันภาวะการเสื่อมของการมองเห็น
4) แก้ปัญหา อาการเยื่อตา และ กระจกตาแห้ง หรือ หนาผิดปกติ เนื่องจากขาดวิตามิน A
5) แก้ปัญหา วุ้นในตาเสื่อม จอประสาทเสื่อม ป้องกันโรค AMD
   2. ผลบิลเบอร์รี่ (Bilberry) มีอยู่ในป่าบริเวณทุ่งหญ้าริมแม่น้ำยุโรปเหนือ สหรัฐอเมริกา แคนนาดา ผลบิลเบอร์รี่ มีสารแอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งเป็นสาร ไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีสีน้ำเงินมากกว่าผลบูลเบอร์รี่ : 50 Mg(8.961%)
   3. เบต้าแคโรทีน (Bata Carotene) เป็น แหล่ง วิตามิน A ที่สำคัญและปลอดภัยช่วยลดความเสี่ยง
ในการเกิดโรคหัวใจในผู้สูงอายุ และป้องกันการเกิด ออซิเดชั่นของไลโปโปรตีน LDL
    ประโยชน์ของ ลูทีน ในไฮ-มาริโกลด์ พลัส
    ลูทีน (Lutein) เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จัดอยู่ในกลุ่มสารที่มีสีในตระกูลแคโรทีนอยด์เป็นสารที่พบ
บริเวณตา ลูทีนจะฉาบบนผิวของเรตินา (Retina) บริเวณขุดรับภาพของลูกตา macula)
(ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในจอประสาทตา เพราะเป็นจุดที่รูปภาพและแสงสว่าง ส่วนมากจะ
มาตกบริเวณนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่จอตารับภาพได้ชัดเจน
    หน้าที่ของ Lutein
1. ทำหน้าที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัด และเห็นรายละเอียดของภาพดีขึ้น
2. มีรายงานถึงผลการวิจัยที่ชัดเจนมากมาย สามรถลดอุบัติการณ์โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง
3. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม(Age - Related Mascular Degeneration หรือ AMD)
4. ลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มที่มีความเสี่ยง
5. ลดกลไกการเกิด Plague ในผนักเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด และโรค หลอดเลือด
    ประโยชน์ของ Lutein
1. ช่วยให้ตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม
2. เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผนังหลอดเลือดใหญ่ และเส้นเลือดฝอย
3. เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
4. ช่วยเสริมสร้างการมองเห็นโดยช่วยป้องกันการเสื่อมของ Mascular ที่จุดเล็กๆ ตรงกลางของที่รับแสงในตา
   (Retina) อันเป็นส่วนสำคัญของ Main pigment(สี) ในฉากรับแสงของตา ป้องกันแสงอาทิตย์ทำลายเรตินา
5. ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม หรือจอประสาทตาเสื่อม AMD
6. ช่วยป้องกันและลดอาการของโรคต้อกระจก (Cataracts)
7. ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
8. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (Free radical) ที่ทำลายเซลล์ตา ทำให้เซลล์แข็งแรง ช่วยชะลอความ
    เสื่อมของตา
9. ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา
10. เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
11. ช่วยแก้สายตาที่ไม่ดีและโรคเกี่ยวกับตา ใช้ร่วมกับ Bilberry เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

      ประโยชน์ของ บิลเบอรี่ ใน ไฮ-มาริโกลด์ พลัส
      Bilbery เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโธไชยานินประกอบอยู่เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid)ที่มีสีแดงอมม่วงช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้นสารชนิดนี้ช่วยเอนไซม์ต่างๆ ให้ทำงานในกระบวนการเมตาบอลิซึ่งของเซลล์เรตินา
      สารแอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ไปใช้ในการรักษาโรคเพื่อช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง สร้างคอลลาเจนช่วยในการทำงานของสมองดีขึ้น และทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิ แดนท์ที่ป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน สารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย สารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่ง คือไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคที่เรีย สารแอนโธไซยาโนไซด์มีคุณสมบัติที่เทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงด้วยเช่นกัน
    ประโยชน์ของสารสกัด Bilberry
1. เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
2. ป้องกันเส้นเลือดเปราะ (Arterosclerosis) ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
3. ป้องกันต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ลดแรงดันในลูกตาลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา
4. ป้องกันโรคเบาหวาน, โรคไทฟอยด์, นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ, โรคความดันโลหิตสูง และระบบหายใจผิดปกติ
5. ป้องกันเส้นเลือดขอด ลดการบวม เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเอ็น
6. แก้ Arthritis, Arthereoscirosis การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ โรคเริม ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร แผลในปาก
7. เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยลดเกล็ดเลือด (Blood platelet)ต่อต้านโธไซยาโนไซเดอร์
    ประโยชน์ของ เบต้าแคโรทีน ในไฮ-มาริโกลด์ พลัส
    เบต้าแคโรทีน (Bata carotene) เป็นแหล่งวิตามิน A ที่สำคัญและปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงในการ
เกิดโรคหัวใจ ในผู้สูงอายุได้เกินกว่า 50% เบต้าแคโรทีน หรือโปรวิตามินเอ สกัดได้จากผักผลไม้สีเหลืองส้ม หรือสีเขียวเข้ม ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ ในรูปที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ในปริมาณเท่าที่ร่างกายต้องการ เมื่อหมดความต้องการวิตามินเอแล้ว กระบวนการเปลี่ยนแปลงเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอก็จะหยุดลง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในเรื่องการเกิดพิษจากวิตามินเอส่วนเกิน
   ในสมัยอียิปต์โบราณ ได้มีการบันทึกว่ามีการเกิดโรคตาบอดในเวลากลางคืนขึ้น ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่รู้ว่าโรคนี้เกิดขึ้นจากการขาดวิตามินเอ แต่ในสมัยนั้นแพทย์ได้ทำการรักษาโรคตาบอดในเวลากลางคืนด้วยการแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานตับวัว ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีวิตามินเอสูงมาก
   วิธีรับประทานไฮ-มาริโกลด์
   สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1-2 แคปซูลก่อนอาหารทั้ง 3 มื้อ
   สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1-2 แคปซูล ก่อนอาหารเช้าและเย็น
   เด็ก อายุ 6-8 ปี ให้รับประทาน 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง
   ประโยชน์ ช่วยป้องกัน อาการโรคตา ต่อไปนี้
- อาการสายตายาว
- ต้อกระจก
- ต้อหิน
- สายตาพร่ามัว
- ภาวะเยื้อตาอักเสบ
- การเสื่อมของเยื้อชั้นในลูกตา
- โรควุ้นในตาเสื่อม
- จอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ หรือโรค เอเอ็มดี
   ดูข้อมูลที่     http://himarigoldwellness.blogspot.com

    ขนาดและราคา   1 กล่อง 60 แคปซูล ราคา 2,500 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง

    สั่งซื้อที่     คุณ วีระชัย   ทองสา  โทร. 084-6822645 , 085-0250423
                    อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com